สถานกงสุลใหญ่  ณ แขวงสะหวันนะเขต มีนโยบายส่งเสริมให้นักศึกษาไทยได้เพิ่มพูนประสบการณ์และความรู้โดยการฝึกงานที่สถานกงสุลใหญ่ฯ ทั้งนี้ เพื่อให้การรับนักศึกษาฝึกงานเป็นไปอย่างมีระบบระเบียบและเพื่อให้นักศึกษาฝึกงานได้รับความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต สถานกงสุลใหญ่ฯ จึงกำหนดแนวทางการรับนักศึกษาฝึกงานขึ้น ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามและขอรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ทางโทรศัพท์หมายเลข (+856 41) 212 373 ต่อ 106 หรือ 103 และทางไปรษณีย์อิเลคทรอนิคที่ [email protected]

 

ทั้งนี้ สถานกงสุลใหญ่ฯ ขอนำเสนอเรียงความเกี่ยวกับประสบการณ์ฝึกงาน จากนักศึกษามหาวิทยาลัยรังสิต หนึ่งในนักศึกษาที่ผ่านการฝึกงานจากสถานกงสุลใหญ่ฯ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้สนใจ ดังนี้

 

คำบอกเล่าความรู้สึกจากการฝึกงานที่สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต

 

จากการที่ได้มีโอกาสมาฝึกงานอยู่ที่สถานกงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่ทางสถานกงสุลใหญ่ ได้เปิดโอกาสให้พวกผมเข้ามาฝึกงานหาประสบการณ์ทำงานอยู่ที่นี่และนับเป็นเกียรติแก่ วิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต อย่างยิ่ง ที่ทางสถานกงสุลใหญ่ได้ให้ความอนุเคราะห์ดูแลช่วยเหลือ พร้อมทั้งฝึกอบรมให้ความรู้ ขณะอยู่ที่สถานกงสุลใหญ่นานเป็นเวลากว่าสามเดือน แม้ว่าจะถือเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ทำให้พวกผมได้มีโอกาสเรียนรู้งานต่างๆได้อย่างรอบด้านและเข้าใจระบบการทำงานในภาพรวมของสถานกงสุลใหญ่ 

 

ในช่วงเวลาดังกล่าว สิ่งที่พวกผมได้รับคือความประทับใจจากการฝึกงานต่างๆที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างประเทศไทย-ลาว รวมถึงงานที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องคุ้มครองดูแลช่วยเหลือคนไทยที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศลาว นอกจากนี้พวกผมได้มีโอกาสร่วมทำงานที่ได้รับมอบหมายอื่นๆอย่างมากมาย ได้แก่ งานเตรียมการเลือกตั้ง ส.ว ที่ผ่านมา งานปล่อยตัวนักโทษคนไทยที่เข้ามากระทำความผิดในประเทศลาว งานด้านการตรวจลงตรา(วีซ่า) งานด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ลาว งานข้อมูลด้านเศรษฐกิจ การค้าการลงทุน งานการเมือง งานสารนิเทศ งานวัฒนธรรม งานโครงการความร่วมมือต่างๆ  อาทิ โครงการแม่โขงเฟรนชิป ซึ่งถือเป็นโครงการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาห้าประเทศในกลุ่มอาเซียน ตลอดจนงานพิธีการทูตและที่สำคัญที่สุด คือความภาคภูมิใจอย่างมากในชีวิต ในการได้มีโอกาสเข้าเฝ้ารับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงเสด็จพระราชดําเนินเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการสถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่

 

ตลอดระยะเวลาที่ได้ฝึกงานพวกผมได้ประสบการณ์ที่ดีแก่พวกผมเอง บรรยากาศของการฝึกมีทุกรูปแบบ มีทั้งความเหนื่อย ความทุกข์ ความสุข ความเศร้าและความรู้สึกต่างๆ แต่ก็มีพวกพี่ๆให้คำปรึกษาที่ดีให้แก่พวกผม คอยให้คำแนะนำ เปลี่ยนเหตุการณ์ที่เคร่งเครียดให้เป็นเรื่องสนุกสร้างเสียงหัวเราะให้พวกผมเสมอ สิ่งต่างๆที่เล่ามาเป็นสิ่งที่พวกผมไม่เคยประสบและเป็นประสบการณ์สำคัญในชีวิตพวกผมทั้งสิ้น จากการฝึกงานที่นี่พวกผมได้ข้อคิดที่สำคัญประการหนึ่งคือ “การทำงานทุกสิ่งเป็นเรื่องสำคัญเสมอ" หมายความรวมถึงรายละเอียดต่างๆในการทำงานก็เป็นสิ่งสำคัญ เช่น การแจกบัตรคิว ระยะการติดสติ๊กเกอร์วีซ่า การคีย์ข้อมูลเข้าเครื่อง เพราะเป็นหลักฐานในการตรวจลงตราที่เป็นข้อมูลสำคัญสำหรับการตรวจสอบเมื่อมีปัญหา ความรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย ความพิถีพิถันในงาน ความเอาใจใส่ในเนื้องาน การช่วยเหลือตัวเองและเพื่อนร่วมงาน 

 

ระยะเวลาฝึกงานช่วงแรกพวกผมไม่มีความสนุกเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกที่อยู่ในใจของพวกผมตอนที่ได้รับมอบหมายซึ่งรู้สึกว่ายาก แต่เมื่อพยายามทำความเข้าใจทำให้พวกผมคิดได้ว่างานไม่ได้มีความยากเท่าใดนัก ดังนั้นเวลาที่ต้องเผชิญกับสิ่งใหม่ๆ พวกผมจะคิดเสมอว่าจะไม่ได้ยากเย็นอย่างที่คิดและเมื่อตั้งใจทำให้สำเร็จเราก็จะภูมิใจในผลงาน พื้นฐาน 3 อย่างที่ได้รับการบอกเล่าอยู่เสมอในเรื่องของงาน หนึ่งคือ พวกผมไม่สามารถเลือกหัวหน้าได้ไม่ว่าจะยังไงก็ยิ้มเข้าไว้ แล้วทำตาม สองคือ พวกผมเลือกเพื่อนร่วมงานไม่ได้ จึงต้องปรับตัวเพื่อที่จะสามารถทำงานร่วมกับเพื่อนร่วมงานได้ สามคือ พวกผมเลือกงานไม่ได้ เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นคนเลือกงานและจะดูไม่ดีในสายตาผู้ใหญ่ พวกผมจึงพยายามทำงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ออกมาให้ดีที่สุด                                

 

สถานกงสุลเก่าซึ่งอยู่ริมโขงมีความน่าอยู่ ร่มรื่น มองเห็นประเทศไทย และอยู่ใกล้กับเมืองเก่าซึ่งมีตึกโคโลเนียลฝรั่งเศสสวยงามมากมาย อย่างไรก็ตาม สถานกงสุลใหญ่จำเป็นต้องก้าวหน้า เติบโต ตามภารกิจที่มีมากขึ้นจึงจำเป็นต้องได้ย้ายไปที่ใหม่ก็จะทำให้งานกงสุลสามารถให้บริการคนไทยที่มาอาศัยอยู่ที่ลาวในด้านต่างๆ และบริการชาวต่างชาติในด้านการขอตรวจลงตรา(วีซ่า) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สถานกงสุลใหญ่แห่งใหม่ซึ่งจะเป็นที่ทำการที่มีความหรูหรา ยิ่งใหญ่ สง่างามมาก เป็นความภูมิใจของเจ้าหน้าที่และและผู้ที่มาติดต่อสถานกงสุลทุกคน ตอบรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งจะมีมิติความสัมพันธ์ในเรื่องต่างๆ มากขึ้น ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม                

 

การได้มีโอกาสได้มาฝึกงานที่นี่ พวกผมคิดว่าคิดว่าพวกผมได้รับประสบการณ์มากกว่าในสำนักงานทั่วไป เพราะนอกจากจะได้คำแนะนำสั่งสอนในเนื้องานแล้ว พวกผมก็ได้ก็ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับการปฎิบัติตัวให้ถูกต้องเหมาะสม โดยเฉพาะการได้มาทำงานในสถานกงสุลซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงต่างประเทศ ทำให้ได้เรียนรู้มารยาททางสังคม ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัว การรับประทานอาหาร การเคารพผู้ใหญ่ในแบบของลาว รวมทั้งได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมลาว เช่น การวางตัวในงานเลี้ยง การวางตัวในงานบุญ การมีโอกาสร่วมประเพณี งานปีใหม่ลาว(งานสงกรานต์) การเต้นบาสโล๊ป มีโอกาสได้เห็ธรรมชาติและประวัติศาสตร์ต่างๆ ของลาว 

 

สิ่งที่พวกผมประทับใจมากที่สุดก็คือ คำสั่งสอน คำบอกกล่าว คำติชม และการดูแลช่วยเหลือและเอาใจใส่จากพี่ๆทุกคนในหน่วยงาน ที่นี่ไม่ใช่แค่สถานที่ทำงาน ไม่ใช่แค่ศูนย์ราชการเพียงอย่างเดียวแต่เปรียบเสมือนบ้าน เปรียบเสมือนครอบครัวที่คอยให้ความรักความเอาใจใส่ พร้อมทั้งฝึกฝนให้รู้จักการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศลาว ในบางครั้งพวกผมอาจจะดื้อ ไม่เชื่อฟัง ทำให้พี่ๆต้องคอยหนักใจอยู่เสมอ แต่พี่ๆทุกคนก็เอาใจใส่ให้ความรักและคอยดูแลพวกผมเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แน่นอนที่สุดว่าประสบการณ์การฝึกงานที่นี่นั้น เป็นเวลาสั้นๆในช่วงชีวิตของพวกผม แต่พวกผมคิดอยู่เสมอว่าสิ่งที่ได้จากการทำงานของที่นี่นั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่หาซื้อหรือแสวงหาได้จากที่อื่นๆ หากเป็นประสบการณ์ที่เปี่ยมด้วยคุณค่ามากมายจนอาจจะพูดได้เลยว่า “หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว” เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง ประสบการณ์แบบนี้นี่แหละที่จะคงอยู่กับการใช้ชีวิตของเราไปตลอดชีวิต บทเรียนต่างๆที่พี่ทุกคนคอยบอก คอยตักเตือน คอยแนะนำ พวกผมจะจดจำและเอาไปใช้ให้ได้มากที่สุด 

 

สุดท้ายนี้  พวกผมขอขอบคุณท่านกงสุลใหญ่และพี่ๆทุกคน สำหรับคำแนะนำ คำสั่งสอนและการดูแลพวกผมเป็นอย่างดี พวกผมจะเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ต่างๆที่ได้รับจากที่นี่ไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตมากที่สุด ขอบคุณครับ 

 

 

นายอนุวัตร กองพันธุ์   นายทัศน์ชัย สรรค์นิกร   นายวัชรพล สมบูรณ์ 

วิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์  มหาวิทยาลัยรังสิต

30 พฤษภาคม 2557