วันที่นำเข้าข้อมูล 24 ต.ค. 2567
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 24 ต.ค. 2567
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2567 นายปัฐม์ ปัทมจิตร กงสุลใหญ่ ณ แขวงสะหวันนะเขต พร้อมด้วยนายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) นางสาวเสาวนีย์ คนกล้า ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. นครพนม (รับผิดชอบจังหวัดสกลนคร - จังหวัดนครพนม - จังหวัดมุกดาหาร หรือกลุ่ม “จังหวัดสนุก”) นายมงกุดเพ็ด วงพะจัน รองหัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แขวงสะหวันนะเขต พร้อมด้วยผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวจากกลุ่ม “จังหวัดสนุก” และแขวงสะหวันนะเขต เข้าร่วมการประชุมแนวทางส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ ณ ห้องประชุมสถานกงสุลใหญ่ฯ โดยมีนางศุภากาญจน์ ยอดฉุน ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. โฮจิมินห์ (รับผิดชอบเวียดนาม สปป. ลาว และกัมพูชา) เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
การประชุมดังกล่าวจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 3 ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 คลี่คลาย เพื่อเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสองฝั่งโขงของไทยและ สปป. ลาวได้หารือแลกเปลี่ยนความเห็นในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชื่อมโยงและความร่วมมือระหว่างกัน รวมถึงประชาสัมพันธ์ศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศไทยภายใต้แนวคิด “5 สิ่งต้องห้ามพลาด” (5 Must Do in Thailand: Must Taste, Must Try, Must Buy, Must Seek, Must See) โดยเฉพาะภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งในปี 2568 จะจัดกิจกรรมอีสาน FESTI“เว้า” ภายใต้แนวคิด “ประเพณีสีอีสาน วิถีแห่งศรัทธา” นำชุมชนท้องถิ่นร่วมนำเสนออัตลักษณ์และสอดแทรกแนวคิดการท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (Responsible Tourism) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ
โอกาสนี้ ตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของแขวงสะหวันนะเขตได้นำเสนอเกี่ยวกับกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวในปีนี้ซึ่ง สปป. ลาว ดำเนินโครงการปีท่องเที่ยว สปป. ลาว (Visit Laos Year 2024) รวมทั้งประชาสัมพันธ์สถานที่ท่องเที่ยวของแขวงสะหวันนะเขตภายใต้แนวคิด “3 ไหว้ 4 เบิ่ง (ดู) 5 เที่ยวชม” และกิจกรรมสำคัญคือ งานบุญนมัสการพระธาตุอิงฮังถือซึ่งเป็นงานบุญที่ใหญ่ที่สุดของแขวงสะหวันนะเขตและมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนธันวาคม 2567
ทุกฝ่ายเห็นพ้องในการประสานงานและแลกเปลี่ยนนักท่องเที่ยวระหว่างกัน และการประชาสัมพันธ์จุดหมายปลายทางใหม่ ๆ ร่วมกันโดยใช้ประโยชน์จุดร่วมด้านความศรัทธาและวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกัน รวมทั้งได้หารือแนวทางการอำนวยความสะดวกให้แก่นักท่องเที่ยวและการดึงดูดการเดินทางท่องเที่ยวแบบค้างคืน ซึ่งจะช่วยสร้างและกระจายรายได้ให้แก่ชุมชนได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น