วันที่นำเข้าข้อมูล 12 พ.ย. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565
รัฐบาล สปป.ลาว ออกดำรัสว่าด้วยการส่งเสริมปลูกต้นไม้เป็นสินค้า เลขที่ ๒๔๗/รบ เมื่อวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๒ เพื่อกำหนดหลักการ ระเบียบ และมาตรการในการส่งเสริมการลงทุนเกี่ยวกับการปลูกต้นไม้เพื่อเป็นสินค้า โดยเฉพาะการเป็นวัตถุดิบสำหรับป้อนโรงงานอุตสาหกรรม และเพิ่มปริมาณการส่งออก
สาระสำคัญของดำรัสดังกล่าวในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองและส่งเสริมการปลูกต้นไม้และพันธะของผู้ปลูกต้นไม้ ตามหมวดที่ ๒ มาตรา ๗ มาตรา ๘ และมาตรา ๙ สรุปได้ ดังนี้
การคุ้มครองป่าปลูกและไม้ปลูก
การคุ้มครองป่าปลูกและไม้ปลูกเป็นไปเพื่อปกป้องและรักษาป่าปลูกและไม้ปลูก ซึ่งผู้ลงทุนจำเป็นต้องดำเนินการในเรื่องการขึ้นทะเบียนป่าปลูก การออกใบรับรองแหล่งที่มาของไม้ และปฏิบัติตามนโยบายของรัฐ ในเรื่องการตัด การเคลื่อนย้าย การซื้อขาย และการส่งออกไม้
กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้บุคคล นิติบุคคล หน่วยงาน องค์กร ที่จะปลูกไม้ในที่ดินที่ตนได้รับสิทธิ์ หรือที่ดินที่รัฐอนุญาตให้เช่าหรือสัมปทาน ต้องขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานด้านกสิกรรมและป่าไม้ เพื่อรับรองสิทธิ์ และแหล่งที่มาของไม้ รวมทั้งปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมการปลูกไม้และฟื้นฟูป่าไม้ภายหลังการปลูกต้นไม้และการฟื้นฟูแล้วสามปี และมีอัตราการรอดของไม้ปลูกในพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่ร้อยละหกสิบขึ้นไป โดยให้ปฏิบัติ ดังนี้
๑. ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้ออกใบรับรองสำหรับป่าปลูกและป่าฟื้นฟู ที่มีพื้นที่ต่ำกว่า ๑,๖๐๐ ตารางเมตร หรือไม้ปลูกแบบกระจัดกระจาย
๒. สำนักงานกสิกรรมและป่าไม้ระดับเมืองเป็นผู้ออกใบทะเบียนป่าปลูกและป่าฟื้นฟู ที่มีพื้นที่ตั้งแต่ ๑,๖๐๐ ตารางเมตร ถึงห้าเฮกตาร์ (หรือ ๓๑.๒๕ ไร่)
๓. แผนกกสิกรรมและป่าไม้ระดับแขวง เป็นผู้ออกใบทะเบียนป่าปลูกและป่าฟื้นฟูที่มีพื้นที่มากกว่าห้าเฮกตาร์ (หรือ ๓๑.๒๕ ไร่) ขึ้นไป
สำหรับการตัดและการเคลื่อนย้ายไม้จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกี่ยวกับงานคุ้มครองป่าปลูกหรือไม้ปลูก ดังนี้
๑. การตัดไม้ปลูกทุกชนิดที่เป็นสินค้าขึ้นทะเบียน เจ้าของป่าสามารถตัดได้โดยไม่ต้องสำรวจและขออนุญาตตามขั้นตอนทางด้านวิชาการ แต่ก่อนตัด จะต้องนำใบทะเบียนหรือใบรับรองไม้ปลูกเพื่อขอใบรับรองกรรมสิทธิ์ โดยให้แจ้งสถานที่ ชนิดพันธุ์ไม้ จำนวนต้นที่จะตัด กับสำนักงานกสิกรรมและป่าไม้ระดับเมือง เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบ ติดตาม และเก็บรวบรวมข้อมูล
๒. สำหรับการตัดไม้ปลูกเพื่อใช้ในครัวเรือนและสาธารณประโยชน์ จะได้รับการยกเว้นค่าทรัพยากร ค่าบูรณะ และพันธะต่าง ๆ แต่ต้องรายงานจำนวนปริมาตรไม้หรือน้ำหนักของไม้ให้แก่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้าน
๓. นักลงทุนสามารถเคลื่อนย้ายไม้ปลูกทุกชนิดภายใต้กฎหมายฉบับนี้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องรายงานปริมาตรหรือน้ำหนักไม้ให้สำนักงานกสิกรรมและป่าไม้ระดับเมืองเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล
๔. หน่วยงานอุตสาหกรรมและการค้าเป็นผู้อนุญาตในการเคลื่อนย้ายผลิตภัณฑ์ไม้ปลูกสำเร็จรูปเพื่อส่งออก โดยหน่วยงานกสิกรรมและป่าไม้จะเป็นผู้รับรองแหล่งกำเนิดสินค้า
๕. การซื้อขายไม้ปลูกภายในประเทศสามารถปฏิบัติได้โดยไม่มีข้อจำกัดใด ๆ
๖. ผู้ลงทุนสามารถส่งออกไม้ปลูกเป็นไม้ท่อนได้ แต่ต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องและสนธิสัญญาหรือสัญญาระหว่างประเทศที่ สปป.ลาว เป็นภาคี
๗. การเก็บค่าธรรมเนียมและค่าบริการเกี่ยวกับงานด้านการคุ้มครองป่าปลูกหรือไม้ปลูก ให้ปฏิบัติตามรัฐบัญญัติว่าด้วยค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่ประกาศใช้ในแต่ละระยะ
การส่งเสริมการปลูก
รัฐส่งเสริมการปลูกไม้เป็นสินค้าตามนโยบายและมาตรการ ดังนี้
๑. บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงาน องค์กร ที่ลงทุนปลูกไม้เป็นสินค้าในที่ดินที่ตนได้รับสิทธิการใช้อย่างถูกต้องตามกฎหมายไม่ต้องขออนุญาตและได้รับการคุ้มครองตามที่กฎหมายกำหนด
๒. รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ปลูกในด้านข้อมูลข่าวสารทางด้านการตลาด คำแนะนำทางด้านวิชาการ การปกป้องรักษา การตัด การขนส่ง และการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์
๓. รัฐบาลจะยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ที่ดินเฉพาะป่าปลูกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง สำหรับที่ดินที่รัฐอนุญาตให้สัมปทาน ให้ปฏิบัติตามรัฐบัญญัติว่าด้วยอัตราค่าเช่าและค่าสัมปทานที่ดินของรัฐ
๔. รัฐบาลจะยกเว้นค่าบูรณะป่าไม้และค่าทรัพยากรป่าไม้ สำหรับการตัดไม้จากป่าปลูกและไม้ปลูกที่กระจัดกระจายเพื่อเป็นสินค้า แต่ให้เสียภาษีรายได้ ส่วนการตัดไม้เพื่อใช้ในครัวเรือนและสิ่งสาธารณะประโยชน์นั้น ให้ยกเว้นค่าบูรณะป่าไม้ ค่าทรัพยากรป่าไม้ และภาษีรายได้ทั้งหมด
๕. ป่าปลูกและไม้ปลูกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนและรับรองอย่างถูกต้องตามระเบียบ สามารถมอบโอน สืบทอด และใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันได้ รวมทั้งจะได้รับการทดแทนค่าเสียหายในกรณีที่รัฐต้องการใช้ที่ดินบริเวณดังกล่าวเพื่อเป้าหมายอื่น
๖. ส่งเสริมให้มีการก่อตั้งกลุ่มหรือสมาคมผู้ปลูกไม้และสมาคมแปรรูปไม้ปลูก โดยมีสัญญาผูกพันในการใช้เป็นวัตถุดิบอย่างเป็นระบบ และมีผลประโยชน์ร่วมกัน
๗. ส่งเสริมให้นำเทคนิค เทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการปลูกไม้ ตั้งแต่ขั้นตอนการศึกษา ค้นคว้าปรับปรุงพันธุ์ไม้ การเพาะกล้าไม้ การปลูกและการแปรรูป โดยผู้ปลูกจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าเทคนิค เทคโนโลยีและอุปกรณ์เครื่องจักรที่ทันสมัยที่ใช้ในการปลูกและการแปรรูป
๘. ส่งเสริมให้ธนาคารปล่อยสินเชื่อระยะยาว เพื่อส่งเสริมการลงทุนปลูกไม้ ด้วยการกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและการยกเว้นดอกเบี้ยในระยะที่ยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้
๙. ส่งเสริมให้ประชาชนและผู้ประกอบการลงทุนปลูกไม้ในเขตที่ดินป่าเสื่อมโทรมและที่ดินป่าหัวโล้นในเขตป่าผลิตที่รัฐจัดสรรให้ โดยมีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างสมเหตุสมผลระหว่างรัฐ ผู้ประกอบการ และประชาชน
๑๐. ส่งเสริมให้บุคคล นิติบุคคลและหน่วยงาน องค์กร สร้างสวนเพาะชำกล้าไม้ สำหรับใช้ในการปลูกไม้ โดยจะอนุญาตให้เข้าถึงแหล่งพันธุ์ไม้ธรรมชาติในประเทศ และนำเข้าพันธุ์ไม้หรือกล้าไม้ชนิดที่ตลาดต้องการหรือชนิดที่ไม่สามารถผลิตได้อย่างเพียงพอ
๑๑. สนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีส่วนร่วม ในเรื่องการค้นคว้าเกี่ยวกับการขยายพันธุ์ไม้และการเจริญเติบโตของไม้โดยให้ความสำคัญกับชนิดพันธุ์ไม้พื้นเมืองเป็นลำดับแรก
๑๒. ไม้ปลูกและผลิตภัณฑ์ไม้ปลูกที่ได้มาตรฐานตามบัญชีที่รัฐบาลตกลงในแต่ละระยะ สามารถส่งออกไปต่างประเทศได้
พันธะต่องานปลูกป่า
พันธะต่องานปลูกป่า มีดังนี้
๑. ผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการแปรรูปไม้หรือมีโรงงานแปรรูปไม้ที่ใช้ไม้เป็นวัตถุดิบ ต้องมีป่าปลูกเป็นของตนเอง เพื่อรับประกันการตอบสนองวัตถุดิบให้มีความยั่งยืน
๒. บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงาน องค์กร ที่ลงทุนในกิจการปลูกไม้ ต้องขึ้นทะเบียนป่าปลูกหรือขอใบรับรองไม้ปลูกตามที่ได้กำหนดกฎหมายฉบับนี้
๓. บุคคล นิติบุคคล หรือหน่วยงาน องค์กร ที่ลงทุนในการปลูกต้นไม้ต้องเอาใจใส่ดูแล รักษาป่าปลูกของต้นให้ได้ผลผลิตที่ดี ต้องมีการสร้างแนวป้องกันไฟ มีแผนที่ป่าปลูกหรือแผนโครงสร้าง และมีแผนการสำรวจในแต่ละปี
๔. ผู้ดำเนินโครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ สำรวจแร่ธาตุ ก่อสร้างเส้นทาง แนวสายส่งไฟฟ้า และโครงการพัฒนาอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการปรับเปลี่ยนที่ดินป่าไม้ทุกประเภท ทั้งในลักษณะถาวรและชั่วคราว ต้องรับผิดชอบจ่ายค่าปลูกป่าทดแทน หรือปลูกป่าทดแทนกลับคืนด้วยตนเอง
* * * * * * * * * * *