เมื่อวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๖๒ มีการจัดประชุมเพื่อสรุป ประเมินผล และถอดบทเรียนด้านพลังงานและเหมืองแร่ประจำปี ๒๕๖๑ และไตรมาสที่ ๑ ประจำปี ๒๕๖๒ ณ หอประชุมแห่งชาติ โดยมีนายคำมะนี อินทิลาด รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานและบ่อแร่เป็นประธาน

กิจการด้านพลังงานและเหมืองแร่ใน สปป.ลาว มีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดด โดยในปี ๒๕๖๑ มีมูลค่ากว่า ๒๘,๒๔๗ พันล้านกีบ(ประมาณ ๑๐๒,๗๐๐ ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๑ จากปี ๒๕๖๐ โดยแบ่งเป็นด้านพลังงาน เพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๓.๕ ด้านเหมืองแร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๗.๕ อีกทั้ง มีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ ๑๖.๘ ของ GDP ในปี ๒๕๖๑ สามารถจัดเก็บรายได้กว่า ๓๑๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ แบ่งเป็นด้านพลังงาน ๒๓๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และด้านเหมืองแร่ ๘๕ ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ปัจจุบัน สปป.ลาว มีแหล่งผลิตไฟฟ้า ๖๓ แห่ง มีกำลังผลิต ๗,๒๑๓ เมกะวัตต์ สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ ๓๗,๐๓๕ ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี นอกจากนี้ ยังมีแผนการก่อสร้างแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมอีก ๓๗ แห่ง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงปี ๒๕๖๓-๒๕๖๔ ซึ่งจะทำให้ สปป.ลาว มีแหล่งผลิตพลังงานไฟฟ้ารวม ๑๐๐ แห่ง มีกำลังผลิตประมาณ ๑๓,๐๖๒ เมกะวัตต์ และสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ ๖๖,๙๔๔ ล้านกิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี โดยประมาณร้อยละ ๘๕ จะถูกส่งออกไปจำหน่ายให้กับประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม จีน และเมียนมา ความสำเร็จดังกล่าวไม่เพียงทำให้ สปป.ลาว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพียงพอกับความต้องการในประเทศ แต่สามารถส่งออกได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

          นอกจากนี้ ระบบสายส่งและสถานีไฟฟ้าก็ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยในปัจจุบันมีระบบสายส่งแรงดันสูง แรงดันกลาง และแรงดันต่ำ ความยาวกว่า ๖๒,๐๐๐ กิโลเมตร และมีสถานีจ่ายไฟฟ้า ๗๐ แห่ง และยังมีการกำหนดแผนงานเพื่อการพัฒนาไฟฟ้าในเขตชนบท โดยมีเป้าหมายให้หมู่บ้านและครัวเรือนทั่วประเทศสามารถเข้าถึงไฟฟ้าได้กว่าร้อยละ ๙๐ และร้อยละ ๙๕ ตามลำดับ

          ในด้านเหมืองแร่ สปป.ลาว มีเหมืองแร่มากกว่า ๕๗๐ แห่ง บนเนื้อที่ประมาณ ๑๖๒,๑๐๔ ตารางกิโลเมตร หรือเกือบร้อยละ ๗๐ ของเนื้อที่ทั้งประเทศ ปัจจุบันรัฐบาลได้ให้สัมปทานแก่เอกชนแล้วจำนวน ๒๗๑ บริษัท ๔๒๔ กิจการ โดยมี ๑๕๑ บริษัท และ ๒๓๙ กิจการ ที่กำลังดำเนินสำรวจ ขณะที่อีก ๑๒๐ บริษัท และ ๑๘๕ กิจการ กำลังเตรียมการเพื่อดำเนินการสำรวจต่อไป

                                                     ****************************** 

ที่มา - หนังสือพิมพ์ประชาชน วันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๒