ยางพาราพืชเศรษฐกิจใหม่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจลาว

ยางพาราพืชเศรษฐกิจใหม่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจลาว

วันที่นำเข้าข้อมูล 18 ก.ค. 2562

วันที่ปรับปรุงข้อมูล 29 พ.ย. 2565

| 3,919 view

          นายวิไลวัน พมเข ประธานสมาคมยางพาราลาว ให้สัมภาษณ์ว่า ผลผลิตทางการเกษตรส่งออกที่สำคัญของลาว ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง กาแฟ ไม้ และยางพารา ยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแขวงทางตอนเหนือที่ติดกับจีน ปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกยางพาราใน สปป.ลาว เพิ่มมากขึ้น เฉพาะที่แขวงหลวงน้ำทามีพื้นที่ปลูกยางพาราถึง ๓.๗ หมื่นเฮกตาร์ และแม้ราคาขายยางพาราใน สปป.ลาว ในปัจจุบัน อยู่ที่ ๘,๐๐๐ กีบต่อกิโลกรัม (ประมาณ ๓๐ บาท) และราคาต่ำสุด ไม่ต่ำกว่า ๓,๕๐๐ กีบต่อกิโลกรัม (ประมาณ ๑๓ บาท) ซึ่งไม่สูงมากนัก แต่ก็ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับ สปป.ลาว ได้ค่อนข้างมาก

          แนวโน้มดังกล่าว ทำให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปลูกยางพาราโดยจะจัดให้มีการฝึกอบบรมเกี่ยวกับการปลูกยางพาราให้ลึกซึ้งมากขึ้น รวมทั้งจะปรับปรุงการบริหารงานสมาคมยางพาราลาว สร้างความร่วมมือกับสมาคมยางพาราของประเทศใกล้เคียง ทั้ง จีน ไทย เวียดนาม และประเทศสมาชิกอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะหารือกับไทยและเวียดนามเกี่ยวกับการก่อสร้างโรงงานแปรรูปยางพาราใน สปป.ลาว เพื่อผลิตสินค้าที่ทำจากยางพาราเพื่อใช้ภายในประเทศและส่งออกไปขายยังต่างประเทศ

          ฝรั่งเศสนำยางพาราไปทดลองปลูกทางภาคใต้ของ สปป.ลาว เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๓๐ เพื่อประดับตกแต่งบนพื้นที่  ๒ เฮกตาร์ ปัจจุบัน สปป.ลาว มีพื้นที่เพาะปลูกยางพาราทั่วประเทศ จำนวน ๓ แสนเฮกตาร์ สูงเป็นอันดับ ๖ ของอาเซียน รองจากไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย และ เมียนมา ตามลำดับ

          รายงานของกระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ สปป.ลาว ประจำปี ๒๕๖๑ ระบุว่า สปป.ลาว ส่งออกผลผลิตทางการเกษตรผ่านด่านสากล คิดเป็นมูลค่า ๖๘๙.๗๖ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย ข้าว ๑๕.๔๑ ล้านดอลลาร์สหรัฐ กาแฟ ๖๙.๙๐ ล้านดอลลาร์สหรัฐ มันสำปะหลัง ๔๕.๖๗ ดอลลาร์สหรัฐ ข้าวโพด ๖๒.๕๒ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และยางพารา มูลค่า ๑๕๒.๑๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของ การนำเข้า มีมูลค่า ๕๘.๕๙  ล้านดอลลาร์สหรัฐ ประกอบด้วย ข้าว ๑๗.๔๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ พืชอุตสาหกรรม ๙.๙ ล้านดอลลาร์สหรัฐ พืชผัก ๓.๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ ผลไม้ ๓ ล้านดอลลาร์สหรัฐ และดอกไม้และกล้าไม้ ๕.๓๗ ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 
                                                                     ************************
 
          ที่มา - หนังสือพิมพ์เศรษฐกิจการค้า วันที่ ๑๘ มีนาคม ๒๕๖๒

รูปภาพประกอบ

รูปภาพประกอบ