เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2555 ได้มีการลงนามข้อตกลงระหว่างระหว่าง ดร.นาม วิยะเกด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้า/รองประธานคณะกรรมการแห่งชาติลาว เพื่อคุ้มครองเขตเศรษฐกิจเฉพาะ กับนายดาวลาย แก้วดวงดี รองหัวหน้าแผนกแผนการและการลงทุน แขวงคำม่วน/ประธาน คณะกรรมการบริหารเขตเศรษฐกิจฯ โดยมีนายสมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรี/ประธาน คณะกรรมการแห่งชาติลาวเพื่อคุ้มครองเขตเศรษฐกิจเฉพาะ ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อเปิดใช้พื้นที่บริเวณสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-ท่าแขก) ฝั่งลาว ที่ตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะท่าแขก

ข้อตกลงดังกล่าว กล่าวถึงแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจเฉพาะท่าแขก ซึ่งมีเนื้อที่ 1,035 เฮกตาร์ (6,468.75 ไร่) จะพัฒนาให้เป็นสำนักงานต่างๆ สถานบริการด้านสุขภาพ ศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม อาคาร ที่พักอาศัยและศูนย์จัดส่งและกระจายสินค้า (logistics) โดยเน้นความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและการรักษาเอกลักษณ์ของลาว ทั้งนี้ การบริหารจัดการภายในเขตเศรษฐกิจฯ จะเป็นการให้บริการเบ็ดเสร็จ (one-stop service system) และการตรวจสอบผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ปัจจุบันพื้นที่เขตเศรษฐกิจฯ ถูกจับจองแล้ว กว่าร้อยละ 80 โดยบริษัทเอกชนที่สนใจเข้ามาลงทุนในแขวงคำม่วน

เขตเศรษฐกิจเฉพาะแห่งใหม่นี้ เป็นอีกทางหนึ่งสำหรับนักลงทุนชาวไทยที่สนใจจะมาดำเนินธุรกิจใน สปป.ลาว โดยเขตเศรษฐกิจพิเศษเฉพาะท่าแขกให้ข้อมูลว่า ปัจจุบัน ผู้ที่ขออนุญาตลงทุนในเขตเศรษฐกิจฯ แบ่งเป็น บริษัทต่างชาติ 1 บริษัท บริษัทลาว 4 บริษัท และบริษัทร่วมทุนลาว-ต่างประเทศ จำนวน 3 บริษัท รวมเป็น 8 บริษัท ได้แก่

บริษัท SK-KS ขาเข้า-ขาออก จำกัด เป็นบริษัทลาว เป็นผู้พัฒนาพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจฯ และลงทุนในเนื้อที่ 5.5 เฮกตาร์ เพื่อสร้างห้างสรรพสินค้า

บริษัท โจ้ บุนมี จำกัด (Jo Bounmy company Limited) เป็นบริษัทลาว ลงทุนในเนื้อที่ 114 เฮกตาร์ มีแผนจะดำเนินธุรกิจ ได้แก่ โครงการประกอบรถยนต์ บริษัทเครือข่ายเทคโนโลยีครบวงจรและโทรคมนาคม โครงการประกอบเครื่องไฟฟ้าและอิเล็กโทรนิกส์ทุกชนิด โรงงานซัมซุงผลิตเครื่องดื่ม โสมเกาหลีบำรุงร่างกาย โรงงานจัดเย็บและผลิตรองเท้าทุกชนิด โรงงานแปรรูปผลไม้แช่แข็ง โรงงานผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวและเส้นหมี่ โรงงานผลิตหน่อไม้แห้ง โรงงานผลิตกระดาษทราย โรงงานผลิตหัวอาหารสุกรและโรงงานผลิตกระเป๋า

บริษัท Beijing Pensen Technology Development จำกัด (สัญชาติจีน ถือหุ้นร้อยละ 90) ร่วมทุนกับบริษัทบุนมี พัฒนาการค้า ขาออก-ขาเข้า จำกัด (สัญชาติลาว ถือหุ้นร้อยละ 10) ลงทุนในเนื้อที่ 375 เฮกตาร์ มีแผนจะดำเนินธุรกิจ ได้แก่ โรงแรม 5 ดาว โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า โรงเรียนอาชีวศึกษาชั้นสูง โกดังเก็บสินค้า โรงงานผลิตปุ๋ยปลอดสารพิษ โรงงานผลิตเส้นหมี่กึ่งสำเร็จรูป โรงงานผลิตอาหารกระป๋องทุกชนิด โรงงานผลิตกระเบื้องปูพื้น ศูนย์บริการขนส่งภายในและต่างประเทศ ศูนย์บริการท่องเที่ยว และธนาคาร

บริษัท Sisouvan Australia and Architects’ regional team (สัญชาติสิงคโปร์ ถือหุ้นร้อยละ 90) ร่วมทุนกับบริษัทบุนมี พัฒนาการค้า ขาออก-ขาเข้า จำกัด (สัญชาติลาว ถือหุ้นร้อยละ 10) ลงทุนในเนื้อที่ 80 เฮกตาร์ มีแผนจะดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ศูนย์บริการด้านอุตสาหกรรมและการค้า การเงิน และโรงแรม

บริษัท Sanum Investment จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน ลงทุนในเนื้อที่ 90 เฮกตาร์ มีแผนจะดำเนินธุรกิจ ได้แก่ สร้างสถานคาสิโน สโมสรตู้เกมส์ โรงแรม 5 ดาว ศูนย์การค้าปลอดภาษี เขตธุรกิจการค้า ศูนย์บริการอบนวดและสปา ศูนย์บริการต้อนรับลูกค้า

บริษัท GYS (สัญชาติจีน ถือหุ้นร้อยละ 90) และบริษัท บุนมี พัฒนาการค้า ขาออก-ขาเข้า จำกัด (สัญชาติลาว ถือหุ้นร้อยละ 10) ลงทุนในเนื้อที่ 50 เฮกตาร์ มีแผนจะดำเนินธุรกิจ ได้แก่ สร้างโรงงานไก่กระป๋องสำเร็จรูปเพื่อส่งออกและโกดังสินค้า

บริษัท TC Group จำกัด เป็นบรัทลาว ลงทุนเกี่ยวกับการให้เช่าป้ายโฆษณาต่างๆ

บริษัทเจริญพัฒนาก่อสร้างและซ่อมแซมเคหสถาน จำกัด เป็นบริษัทสัญชาติลาว ลงทุนใน เนื้อที่ 3 เฮกตาร์ มีแผนจะดำเนินธุรกิจได้แก่ ศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ลานจาดรถ

นอกจากนี้ รัฐบาลลาว (แขวงคำม่วน) ยังร่วมลงทุนในเนื้อที่ 10 เฮกตาร์ เพื่อกำหนดเขตที่ตั้งในการปลูกสร้างที่ทำการของรัฐในเขตเศรษฐกิจเฉพาะฯ ด้วย